30 April 2012
Bicycle Diary วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555
ถ้าให้นึกถึงอาชีพที่ใช้จักรยานหลายคนคงนึกถึงคนขายล็อตเตอรี่ แต่มีอีกหนึ่งอาชีพที่กำลัง ถูกจับตามอง นั่นก็คือ bicycle messenger หรือคนรับส่งเอกสารด้วยจักรยาน ที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า BIKEXENGER
รายการ Bicycle Diary วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555 เวลา 10.30 - 11.00 น. ทางไทยพีบีเอส
20 April 2012
19 April 2012
18 April 2012
Giving of the Month : BE MAGAZINE (11-02-12)
กุมภาพันธ์ 11th, 2012
Giving of the Month : BE MAGAZINE
เรื่อง : อารันดร์ อาชาพิลาส
E-mail : archies29@yahoo.com หรือ twitter.com/TonBEmagazine
Giving of the Month : BE MAGAZINE
ฉบับนี้ผมจะพูดถึงเรื่อง Social Enterprise (ธุรกิจเพื่อสังคม) ที่เป็นของคนไทยบ้างละกันนะครับ ไหนๆเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าโลกเราทุกวันนี้ก็ร้อนขึ้นๆทุกวัน การโดยสารรถยนต์ก็ต้องใช้น้ำมันที่ก่อให้เกิดมลพิษ มันก็เลยมีธุรกิจใหม่ขึ้นมาชื่อว่าBikexenger (ไบค์เซนเจอร์)
Bikexenger เป็นบริการขนส่งเอกสารที่ส่งโดยการปั่นจักรยาน แล้วเขามีทีมงานที่น่ารักมาก ผมก็เลยอยากจะฝากไว้ เป็นอะไรที่หายากและเกิดขึ้นนานๆครั้งที่คนไทยจะก่อตั้งธุรกิจเพื่อสังคมแบบนี้ ถ้าหากว่าออฟฟิศของคุณอยู่แถวสาธร หรือ จามจุรีสแควร์ ก็อย่าลืมโทรเรียกใช้บริการนะครับ หวังว่าจะช่วยลดมลพิษได้สักนิดหน่อย แล้วก็ช่วยให้คนมีสุขภาพดีขึ้น แต่ต้องขอโน้ตไว้นิดหนึ่งนะครับว่าเขาใช้วิธีปั่นจักรยาน เพราะฉะนั้นถ้าสิ่งของที่คุณจะฝากส่งมีรูปร่างประหลาดอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายพิเศษนะครับ ช่วยเห็นใจพวกพี่ๆนิดหนึ่งครับ
อัตราค่าบริการรายครั้งจะอยู่ที่ 1-3 กิโลเมตรแรก 50 บาท ส่วนกิโลเมตรถัดไปคิดกิโลเมตรละ 15 บาท โดยเริ่มคิดจากจุดทำการที่อาคารจามจุรีสแควร์
เรื่อง : อารันดร์ อาชาพิลาส
E-mail : archies29@yahoo.com หรือ twitter.com/TonBEmagazine
Chicministry นิตยสารออนไลน์สำหรับผู้หญิง (03-05-11)
The BikeXenger
The BikeXenger
ส่งด้วยใจ ส่งด้วยจักรยาน
03.05.11
by Daaw Chonlada
ถ้าพูดถึงบริการรับ - ส่งเอกสาร สาวๆ หลายคนคงจะรู้สึกเฉยๆ กับอาชีพนี้ใช่ไหมคะ ก็แหม เป็นอาชีพธรรมดาๆ ที่เราพบเห็นกันได้ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ถ้าจะบอกว่าบริการรับ-ส่งนี้ขับเคลื่อนด้วยจักรยานล่ะคะ แถมการันตีอีกด้วยว่าไปส่งถึงที่หมายทันเวลาแน่นอน รับรองว่าบริการธรรมดาๆ นี้ จะเริ่มไม่ธรรมดาแล้วล่ะค่ะ
บริการที่ว่านี้ก็คือ BikeXenger หรือจักรยานรับ- ส่งสิ่งของ ที่ไม่ได้รับแต่เอกสารเท่านั้นนะคะ แต่ยังรับส่งทุกอย่างที่จักรยานสามารถบรรทุกได้อีกด้วย ฟังแล้วน่าสนใจขึ้นมาเลยทีเดียว เรามารู้จักกับ BikeXenger กันดีกว่าค่ะ
จากภาพยนตร์ สู่แรงปั่นบันดาลใจ
คุณมนตรี ฉันทะยิ่งยง หนึ่งในผู้ก่อตั้งBikeXenger ได้บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ BikeXenger ว่า “BikeXenger เริ่มมาจากกลุ่มจามจุรีสแควร์ที่เราปั่นจักรยานมาด้วยกันก่อน พอรวมกลุ่มได้มา 1 ปี จนสมาชิกมาเพิ่มมากขึ้นเป็น 10-20 คน ก็เริ่มมีโครงการที่อยากจะเปลี่ยนแนวทางการปั่นบ้าง จากที่เราปั่นไปเที่ยว ปั่นไปทานข้าวหลังเลิกงาน มาเป็นการปั่นเพื่อส่งของแทน
“โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการที่น้องแนนที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มได้ชมภาพยนตร์เรื่อง The BikeXenger แล้ว อยากจะลองทำแบบนั้นบ้าง เราก็เลยลองดูครับ โดยเริ่มปั่นส่งสินค้าที่เกี่ยวกับจักรยาน เช่น อะไหล่ต่างๆ ที่เราขายอยู่ก่อน โดยเพื่อนๆ ในกลุ่ม ซึ่งกำไรบางส่วนเราก็นำไปซื้อจักรยานบริจาคให้กับน้องๆ ที่ขาดแคลนตามต่างจังหวัดด้วยครับ
การทำงานของ BikeXenger
“การทำงานของ BikeXenger ซึ่งเป็นจักรยานส่งของก็มีลักษณะเดียวกันกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลยครับ แต่ว่าเราใช้ความแตกต่างที่เราลดการใช้พลังงาน ลดพื้นที่บนท้องถนน เปลี่ยนบทบาทการใช้จักรยานให้คนได้รู้ว่าเราสามารถใช้จักรยานในชีวิตประจำวันในเมืองได้ ซึ่งมันดีกว่าการขี่มอเตอร์ไซค์ มันมีเสน่ห์มากกว่า
ส่วนเรื่องอัตราค่าใช้บริการ สำหรับเริ่มต้นมีค่าเปิดบริการครั้งแรกที่ 50 บาท จากนั้นคิดเป็นกิโลเมตรละ 15 บาท ถ้าเป็นลูกค้าประจำ เราก็จะมีอัตราพิเศษให้ครับ
“การทำงานของ BikeXenger ซึ่งเป็นจักรยานส่งของก็มีลักษณะเดียวกันกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเลยครับ แต่ว่าเราใช้ความแตกต่างที่เราลดการใช้พลังงาน ลดพื้นที่บนท้องถนน เปลี่ยนบทบาทการใช้จักรยานให้คนได้รู้ว่าเราสามารถใช้จักรยานในชีวิตประจำวันในเมืองได้ ซึ่งมันดีกว่าการขี่มอเตอร์ไซค์ มันมีเสน่ห์มากกว่า
ส่วนเรื่องอัตราค่าใช้บริการ สำหรับเริ่มต้นมีค่าเปิดบริการครั้งแรกที่ 50 บาท จากนั้นคิดเป็นกิโลเมตรละ 15 บาท ถ้าเป็นลูกค้าประจำ เราก็จะมีอัตราพิเศษให้ครับ
“วิธีการจัดการของ BikeXengerในเรื่องการจราจรในกรุงเทพฯ คือเราต้องชำนาญทางในกรุงเทพฯ ก่อน รู้ข้อมูลไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง พื้นผิวการจราจร รวมถึงสภาพอากาศว่าฝนตก น้ำท่วม หรือถนนแคบ เราต้องหลบหลีกอุปสรรคได้ เพื่อให้เราไม่เป็นอุปสรรคในการจราจร เพราะเราไม่ได้ใช้ความเร็วมากอยู่แล้ว เฉลี่ยก็อยู่ที่ 15- 20 กม/ชม แต่เรารับรองว่าส่งทันตามกำหนดได้อย่างแน่นอนครับ
“เพราะในกรุงเทพฯ หากเราอยู่ตรงกลางแล้วจะไปทิศเหนือสุดหรือใต้สุด จะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครับ ความที่เราเป็นจักรยานส่งของ เราจึงได้เปรียบตรงที่เราคล่องตัวกว่ามาก เพราะเราสามารถไปในทางที่รถใหญ่วิ่งไม่ได้อยู่แล้ว ย้อนศรบางส่วนก็ได้ แต่เราก็ทำตามกฎจราจร เพราะเราก็ต้องรู้กฎต่างๆ ในการจราจรในกรุงเทพฯ เป็นอย่างดีอยู่แล้ว"
ความประทับใจ / อุปสรรคของ BikeXenger
“เกิดขึ้นในวันทำงานนี่ล่ะครับ พอดีว่าปั่นผ่านสวนลุม แล้วเจอคุณยายท่านหนึ่งที่อยากจะไปตรวจสุขภาพฟรีที่มีกิจกรรมอยู่ในสวน แต่ท่านไปไม่ถูก และแถวนั้นก็ไม่มีมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง เราก็อาสาไปส่งให้ อีกเคสหนึ่งก็เป็นการส่งของในวันวาเลนไทน์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีการส่งช่อดอกไม้กับช็อกโกแลตครับ แต่มีคู่หนึ่งตอนเช้ามีผู้ชายขอให้ส่งดอกไม้ให้แฟน แต่พอดีว่าเขาเกิดทะเลาะกันระหว่างที่เรากำลังจะไปส่ง จะกลับก็ไม่ทันแล้ว ก็เลยต้องส่งดอกไม้ให้ผู้หญิงไป ซึ่งเขาก็ดีใจและตกใจมาก สรุปว่าวันนั้นก็ Happy Ending ครับเพราะผู้หญิงคิดว่าผู้ชายส่งดอกไม้ไปง้อ ก็ดีครับ รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เขาคืนดีกันได้”
“อุปสรรคโดยตรงของ BikeXenger โดยตรงนั้นไม่มีหรอกครับ แต่เรามักจะมีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับที่จอดจักรยาน บางครั้งก็ไม่มีที่จอดรถ เราก็ค่อนข้างจะเป็นห่วงทรัพย์สินของเราด้วย บางครั้งต้องไปส่งของบนตึก บางตึกก็อำนวยความสะดวกดีครับ แต่บางตึกก็ไม่มี เราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป”
นี่ล่ะค่ะเรื่องราวของ BikeXenger จักรยานส่งของธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะนอกจากจะช่วยลดพลังงาน ช่วยลดโลกร้อน ช่วยลดมลพิษในท้องถนนแล้ว ยังเป็นกิจการสีเขียวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจริงๆ ค่ะ ส่วนสาวๆ คนไหน ที่ต้องการใช้บริการ BikeXenger สามารถติดต่อได้ที่ 08-6994-1301 หรือ info@bikexenger.comย้ำอีกรอบว่าไม่ได้รับ-ส่งแค่เอกสารเท่านั้นนะคะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่จักรยานสามารถบรรทุกได้ BikeXenger รับทุกอย่างค่ะ
นอกจากนี้คุณมนตรียังฝากบอกสาวๆ นักปั่นที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ BikeXenger ตอนนี้กำลังเปิดรับ BikeXenger รุ่นใหม่อยู่ด้วยนะคะ สาวๆ คนไหนสนใจ ติดต่อได้ที่http://www.facebook.com/bikexenger
ได้เลยค่ะ
ได้เลยค่ะ
16 April 2012
VOICE TV (30 กันยาน 2554)
เปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งจักรยาน
แรงคิดที่จะผลักดันให้คนกรุงเทพฯหันมาใช้จักรยานเป็นยานพาหนะในการเดินทาง เพื่อลดปัญหาการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง ทำให้กลุ่มนักปั่นจักรยาน "ไบค์เซนเจอร์" ริเริ่มการให้บริการรับ - ส่งเอกสารในพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งใช้เวลาไม่ต่างกับการขนส่งด้วยวิธีการอื่น อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างอาชีพให้แก่นักปั่นน่องเหล็กได้ไม่น้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือนอีกด้วย
การจราจรที่หนาแน่นไปด้วยรถยนต์บนถนนหลายสายในช่วงเช้าและเย็น กลายเป็นวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้จะมีระบบขนส่งให้เลือกหลากหลายช่องทาง แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในมหานครแห่งนี้ได้
รถยนต์ส่วนตัวที่มีมากกว่าถนนหนทาง ส่งผลให้เกิดปัญหาการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย และนำมาซึ่งผลกระทบจากมลภาวะทางอากาศ เป็นตัวแปรสำคัญที่จูงใจให้กลุ่มนักปั่นจักรยาน "จามจุรีแสควร์" รวมตัวกันขึ้นเมื่อกว่า 2 ปีก่อน เพื่อใช้จักรยานเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางรอบกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ พวกเขายังมีโครงการร้านค้าออนไลน์ ในชื่อของ "ร้านค้าบุญไบค์" เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางรับบริจาคและจำหน่ายอุปกรณ์จักรยานโดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปซื้อจักรยานให้แก่เยาวชนในถิ่นทุรกันดาน
จากนั้น พวกเขาจึงได้มีแนวคิดขยายโครงการนี้ และมุ่งหวังให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งการใช้จักรยาน โดยก่อตั้งกลุ่มจักรยาน "ไบค์เซนเจอร์" ขึ้น เพื่อให้บริการรับ - ส่ง เอกสารในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อัตราค่าบริการ "ไบค์เซนเจอร์" จะเริ่มต้นที่ 3 กิโลเมตรแรก ในราคา 50 บาท และเพิ่มขึ้นอีก 15 บาทในทุกๆ 1 กิโลเมตร นับจากจุดทำการบริเวณอาคารจามจุรีสแควร์ ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่และอยากทดลองใช้บริการ
ในวันนี้ ทีมข่าววอยซ์ทีวี มีโอกาสได้ติดตามการทำงานของทีม "ไบค์เซนเจอร์" ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปส่งวัสดุยังบริษัทแห่งหนึ่งย่านถนนสาทร โดยตลอดเส้นทาง พวกเขาต้องใช้ทักษะในการขี่จักรยานในระดับชำนาญการ เนื่องจากถนนเส้นนี้ มีการสัญจรของรถยนต์จำนวนมาก แต่พวกเขาก็สามารถมาถึงที่หมาย โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ขณะที่ ลูกค้าผู้ใช้บริการในครั้งนี้ เชื่อว่า ระยะเวลาในการส่งเอกสาร ไม่ได้แตกต่างจากการเลือกใช้วิธีการอื่น
รายได้เฉลี่ย สำหรับการทำงานของทีม bikexenger อยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งขณะนี้ มีพนักงานที่ทำงานประจำ ทั้งหมด 4 คน ส่วนในอนาคต พวกเขาเตรียมที่จะจดทะเบียนจัดตั้งในรูปแบบบริษัท เพื่อขยายโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมงานและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้ พวกเขา ยังฝากถึงหน่วยงานภาครัฐ ให้มีการสนับสนุนการใช้จักรยาน ด้วยการเพิ่มเลนจักรยานและจัดหาพื้นที่จอดจักรยานมากขึ้น
Produced by VoiceTV
by Artit
30 กันยายน 2554 เวลา 10:18 น.
15 April 2012
Bangkok Post 20/09/2011
BikeXenger Bicycle Messenger Service in Bangkok
There are a lot of issues that thwart Thailand’s bicycling environment from matching that of other countries, whether it be climate, culture or urban planning.
‘‘I want to cycle for something, whether it be humanity or the environment. I want others to see the benefits of cycling other than wandering around,’’ says Mr Montri.
This results in low usage of bicycles, particularly on the streets of Bangkok, a city notorious for being bicycle-unfriendly, even as the world is concerned with global warming. Despite these limitations, 34-year-old Montri Chantayingyong, an avid cyclist, is turning what started as an activity among enthusiasts into a bicycle-delivery businesses.
At first, the initiative was developed as an activity within the Chamchuri Square group to promote the use of bicycles and reduce pollution.
“Members would hop on their bicycles and ride just to have fun, which then led to riding for society, which included raising money to donate to children,” said Mr Montri, who is a member of the group and an engineer by profession.
“I want to cycle for something, whether it be humanity or the environment. I want others to see the benefits of cycling other than wandering around.”
This led to setting up Boonbike, which buys and sells bicycle parts, with part of the proceeds slated to buying bicycles for the underprivileged in remote villages who can’t afford their own bikes to ride to school. The activity is organised by the Thai Cycling for Health Association.
Under the scheme, cyclists in the group are assigned to collect parts or bicycles donated for sale to raise funds for the association. Once orders are secured, the cyclists deliver them via bike, charging 40 baht per trip throughout Bangkok.
The business BikeXenger sprung up as a consequence.
The name combines the words bike and messenger while the X stands for express. Started late last year by friends and enthusiasts, the delivery service now handles anything portable, from documents and books to bike accessories and food.
A customer is charged 50 baht per delivery, with 15 baht for every kilometre of service. A monthly package of 22 deliveries costs 1,100 baht for one to three kilometres. The charge will go up to 6,600 baht for a distance of 20 kilometres.
The distance is calculated using Google Maps. Once an order is placed via their Facebook page, the team will immediately find the member closest to the customer to take up the assignment. All the staff are Chamchuri Square (CSQ) cycling club members and have been trained to survive the Bangkok traffic.
BikeXenger receives an average of six jobs per day, relatively few for a business to stay alive.
The company has 10 members, four of them working full-time.
It recently won an award at the social enterprise business competition held at the beginning of this year, which led better recognition and financial support.
“At first we focused on the restaurant market and health food. But it was not cost-effective and we found certain types of food are not appropriate for transport,” said Mr Montri.
Many factors are considered before accepting a job, including making sure the package will not be damaged easily, does not weigh more than 20 kilogrammes and is not wider than shoulder-length.
BikeXenger has 30 customers and four regular clients, including a restaurant, a small company, a fish sauce factory and OCBC bank.
Most of the jobs are on a daily basis, divided into mornings and afternoon deliveries.
“Some days we worry whether there will be any jobs, while others loads of orders come in. We could deal with these boom cycles if more people are on standby,” he said.
As business picks up, Mr Montri is looking for more delivery cyclists.
There are not set monthly wages yet as the company is still developing, but he plans to set up a company in the future as people are interested in joining the business.
“Our business plan was to have five to six employees, which will cost us 30,000 baht per month for a 6,000-baht wage plus 4,000 baht in commissions, but we don’t have enough deliveries to support that yet,” he said.
Mr Montri has many bicycles on hand, but the one he has been using for this job for eight months is a second-hand Louis Garneau costing only 6,500 baht.
His weight dropped from 76 to 60 kilogrammes over the past five years since he started cycling.
“I think very few Thais care about bicycle delivery. Motorcycles, our direct competitors, are used by most companies, but their disadvantage is flexibility. For instance, when there’s a traffic jam, we can drive on the footpath, but [motorcycles] will have a hard time doing the same if they aren’t familiar with the area,” said Mr Montri.
Although motorcycles can carry heavier parcels, bicycles do a better job in transporting documents, he added.
Panot Phutthaisong, the co-founder of BikeXenger, said while the business is far from lucrative, the outlook is promising as companies are increasingly concerned about health and the environment. “You can easily hire a motorcycle taxi driver to deliver your stuff at probably a lower cost and faster speed. But people who hire these bike messengers think beyond simply minimising their costs,” he said. “Our services are carbon-free and green.”
Originally posted as ‘Different spokes’ in Business section of Bangkok Post 20/09/2011
Article by Nanchanok Wongsamuth
Positioning Magazine 10 สิงหาคม 2554
BikeXenger เมสเซนเจอร์สีเขียว
กว่าร้อยปีเศษ อาชีพ Bike Messenger หรือนักปั่นส่งเอกสารได้ถือกำเนิดขึ้นในยุโรปพร้อมๆ กับความนิยมในการใช้จักรยานในฐานะ “พาหนะคู่กาย” แต่สำหรับเมืองไทย กระแสความนิยมใน “เชิงแฟชั่น” ได้นำพาจักรยานเข้ามาในฐานะไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนเมือง
กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แนวคิดของอาชีพนักปั่นส่งเอกสารและพัสดุก็ถือกำเนิดขึ้นโดยชนส่วนหนึ่งในนักปั่นกลุ่ม “จามจุรีสแควร์” พวกเขาเรียกตัวเองว่า “BikeXenger” สื่อถึงความเป็น Bike Messenger สมาสสนธิเข้ากับ Xpress เพื่อสร้างจุดขายด้านความรวดเร็วในงานบริการ ผสานกลิ่นอายแห่งขบวนการยอดมนุษย์ Rangers โดยหลักๆ ขบวนการนี้ประกอบด้วย ปณต พุทไธสง, มนตรี ฉันทะยิ่งยง และ สิริชัย วัฒนสุทธิพงศ์ สิ่งที่คล้ายคลึงกับฮีโร่ห้าสีคือยูนิฟอร์มเข้ารูปขณะทำงาน และอุดมการณ์เพื่อพิทักษ์โลก ต่างกันที่ยอดมนุษย์ Bikexenger ใช้ (หัวใจ) สีเขียวเหมือนกันทุกคน ชู Green Service และจบภารกิจด้วยพลัง “ลำแข้ง”
กำเนิดวินจักรยานรับจ้าง
“วิน” ของกลุ่ม BikeXenger อยู่ที่จามจุรีสแควร์เป็นหลัก ที่นั่นไม่ได้เป็นออฟฟิศ หากแต่เป็นที่สำหรับ “สแตนด์บาย”...ที่ใดมีร้านกาแฟชิลๆ ที่นั่นก็พร้อมจะมีวินของ BikeXenger
“วิน” ของกลุ่ม BikeXenger อยู่ที่จามจุรีสแควร์เป็นหลัก ที่นั่นไม่ได้เป็นออฟฟิศ หากแต่เป็นที่สำหรับ “สแตนด์บาย”...ที่ใดมีร้านกาแฟชิลๆ ที่นั่นก็พร้อมจะมีวินของ BikeXenger
BikeXenger เกิดจากนักปั่นจำนวนเล็กๆ ในกลุ่มจามจุรีสแควร์ “ปณต” เล่าว่าเมื่อสามปีก่อนได้มีการริเริ่มรวมก๊วนคนรักจักรยานในย่านสี่พระยา สาทร สีลม โดยโพสต์กระทู้ชวนปั่นลงบนเว็บไซต์ ThaiMTB จากสิบคนก็เพิ่มขึ้นเป็น 30-40 คนในปัจจุบัน จากพบกันเดือนละครั้ง ก็เริ่มขยับเป็นสัปดาห์ละครั้ง และกลายเป็นเจอกันทุกวัน “พอเลิกงานพวกเราไม่รู้จะไปไหน ลองสุ่มๆ ปั่นมาที่จามจุรีสแควร์ดู อ้าวก็มีเพื่อนๆ มานั่งรออยู่เหมือนกันนี่” เขาเองมาเจอกับ “มนตรี” ที่นี่โดยมิได้นัดหมาย มนตรีใช้จักรยานเป็นพาหนะจากอินเนอร์ส่วนตัวมาแต่แรก
“ผมทำงานอยู่แถวๆ บางรัก นั่งรถไปกลับร่วมๆ 6 ชั่วโมง มันไม่ไหว รถติดเมื่อไหร่ผมต้องโดดลงมา เพราะเดินครึ่งชั่วโมง ยังดีกว่ายืนอยู่เฉยๆ ตั้งครึ่งชั่วโมง”
ตลอดสามปี นักปั่นกลุ่มจามจุรีสแควร์ทำกิจกรรมร่วมกันมาแล้วแทบทุกอย่างยิ่งกว่าพี่แอ็ดเมืองไทยสไมล์คลับ ทั้งกินเที่ยวและออกทริปจน “หมดมุก” พวกเขาจึงมานั่งคิดกันต่อว่ายังมีกิจกรรมอะไรที่นักปั่นสามารถทำร่วมกันได้อีก ไอเดียของงานบุญจึงเกิดขึ้น “ก่อนหน้านี้เราก็ไปตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ออกทริปซ่อมจักรยานให้เด็กต่างจังหวัด แล้วตอนนั้นสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยกำลังระทมทุนเพื่อซื้อจักรยานให้เด็กพอดี เราก็เลยตั้ง “บุญไบค์” ขึ้นมาในเน็ต ปั่นไปรับของบริจาคมาประกาศขาย พอมีคนซื้อ เราก็ปั่นไปส่งของ แล้วเอาเงินที่ได้รวมกับค่าปั่นที่คิดราคาเดียวแค่ 40 บาท ไปร่วมสมทบทุนซื้อจักรยานให้สมาคมฯ”
กระทั่งภายหลังมีข้อเสนอในกลุ่มว่าทำไมเราไม่ปั่นจักรยานเป็นอาชีพเสียเลย สมาชิกจามจุรีฯ ราวสิบคนจึงศึกษาโมเดล “Bike Messenger” ของต่างประเทศ จนเกิดโครงการ BikeXenger และได้รับทุนสนับสนุนเบื้องต้นจากสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ จักรยานรับจ้างในเมืองกรุงจึงเกิดขึ้น
“นักข่าวญี่ปุ่นเขาทึ่งที่พวกเรากล้าปั่นในกรุงเทพฯ เขาบอกว่าใครปั่นในกรุงเทพฯ ได้ ก็จะปั่นได้ทุกที่ในโลก เพราะการจราจรบ้านเราไม่เป็นระเบียบ แถมนิสัยคนใช้ถนนก็ดูใจร้อน” ปณตถ่ายทอดเรื่องตลก (ร้าย) แต่จริง
กลยุทธ์แบบวิน – วิน : รายได้ ภาพลักษณ์องค์กร และความยั่งยืน
“ในเมืองไทย มันเหมือนจะโตแต่ก็ยังไม่โต คนเรียกใช้งานก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ได้โตเปรี้ยงปร้าง พอออกทีวีทีหนึ่งก็กระหน่ำโทรเข้ามา แล้วก็ซาไปจนกว่าจะออกรายการใหม่ ออกสื่อช่วยให้เราดังจริงครับ แต่คนไทยยังไม่ค่อยใช้บริการ” ปณตเล่าถึงวัฏจักรที่เริ่มคุ้นชิน “ตอนนี้เราเลยพยายามเปิดตลาดด้วยการบุกไปบริษัทต่างๆ เพื่อเสนอบริการของเราที่ยังใหม่อยู่มากๆ และกำลังจะรับสมัครนักการตลาดเข้ามาช่วยงานด้วย”
“ในเมืองไทย มันเหมือนจะโตแต่ก็ยังไม่โต คนเรียกใช้งานก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ได้โตเปรี้ยงปร้าง พอออกทีวีทีหนึ่งก็กระหน่ำโทรเข้ามา แล้วก็ซาไปจนกว่าจะออกรายการใหม่ ออกสื่อช่วยให้เราดังจริงครับ แต่คนไทยยังไม่ค่อยใช้บริการ” ปณตเล่าถึงวัฏจักรที่เริ่มคุ้นชิน “ตอนนี้เราเลยพยายามเปิดตลาดด้วยการบุกไปบริษัทต่างๆ เพื่อเสนอบริการของเราที่ยังใหม่อยู่มากๆ และกำลังจะรับสมัครนักการตลาดเข้ามาช่วยงานด้วย”
หลังจากเก็บเช็ควางบิลเสร็จ เหล่า BikeXenger ก็จะทำหน้าที่เซลส์ต่อ จนพบว่าองค์กรที่หันมาใช้บริการ Bikexenger มักจะเป็นบริษัทใหม่ที่มีขนาดเล็ก เจ้าของบริษัทมีอำนาจตัดสินใจ หรือเป็นบริษัทคนไทยที่เห็นความสำคัญของคอนเซ็ปต์รักษ์โลก เพราะแม้ผู้บริหารชาวต่างชาติจะคุ้นเคยกับ Bike Messenger ในบ้านเกิดเป็นอย่างดี แต่บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่มักมีสัญญาจ้างเมสเซนเจอร์ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์อยู่ก่อนแล้ว “บางคนถามว่าพวกเราบ้ารึเปล่า มอเตอร์ไซค์ก็มีให้ใช้ เราตอบไปว่า เราอยากจะเปลี่ยนแปลงอากาศในกรุงเทพฯ”
“โรงงานน้ำปลาไทย ตราปลาหมึก” เป็นตัวอย่างลูกค้าประจำรายแรกของ BikeXenger ที่มีการจ่ายงานให้เป็นประจำทุกวันจนถึงปัจจุบัน “เขาต้องชอบคอนเซ็ปต์ของเราก่อน อย่างบริษัทหนึ่งแถวอาร์ซีเอมีแมสเซนเจอร์ของเขาอยู่แล้ว แต่ก็อุตส่าห์แบ่งงานมาให้เรา”
“ช่วงแรกๆ เราต้องอธิบายให้ตลาดเข้าใจในเรื่องราคาเสียก่อน เพราะเราสตาร์ทที่ราคา 50 บาทบวกกับระยะทางที่เพิ่มขึ้น กม.ละ 15 บาท หลายคนบ่นว่าแพงกว่ามอเตอร์ไซค์ทั้งที่ไม่ได้ใช้น้ำมัน แล้วจะช้ากว่ารึเปล่า เราบอกได้เลยว่ารถติดๆ อย่างนี้ เราทำความเร็วได้ไม่ต่างจากมอเตอร์ไซค์แน่นอนครับ เราซอกแซกได้ดีกว่าด้วยซ้ำ” มนตรีแย้ง
เพื่อลบข้อกังขาด้านราคา BikeXenger จึงชูอีกหนึ่งจุดขายด้วย “บริการที่เหนือกว่า” เพราะไม่ใช่แค่การนำเอกสารและพัสดุไปส่ง หากแต่ BikeXenger จะเก็บงานให้ลูกค้าจนเป๊ะ ในกรอบเวลาที่เที่ยงตรง “เรามีการเทรน เช่น วางบิลเก็บเช็คต้องทำยังไง เส้นทางต้องแม่น ไม่ใช่โทรไปถามทางบ่อยๆ”
นอกจากนี้ เมื่อส่งงานเสร็จ ทีมงานจะถ่ายรูปกับผู้รับเพื่อนำมาลงเฟซบุ๊ก ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดการบอกต่อ นัยหนึ่งยังช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีเพื่อสร้างโอกาสในการได้ลูกค้ารายใหม่ ในขณะที่องค์กรนั้นๆ ก็สามารถใช้จุดนี้แสดงภาพลักษณ์ CSR ได้เนียนๆ
นอกจากกลุ่มองค์กร ลูกค้าขาจรรายบุคคลก็เรียกใช้บริการ BikeXenger ด้วยสัดส่วนที่มากพอตัว มนตรีบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นคนไทยที่ให้เหตุผลว่า เพราะบริการนี้เป็นความแปลกใหม่ ในขณะที่บางส่วนแค่อยากลอง มีเพียงส่วนน้อยที่ใช้บริการเพราะตระหนักว่าจักรยานเป็นพาหนะรักษ์โลก
เฉพาะนิวยอร์กเพียงแห่งเดียวก็มีบริษัท Bike Messenger กว่า 500 แห่ง มีนักปั่นอาชีพร่วมๆ 5,000 คน มีการวางระบบงานที่ชัดเจน และที่สำคัญมีการแข่งขันกันระหว่างเอาต์ซอร์สต่างๆ อย่างดุเดือด
BikeXenger ทั้งสามหันมาเป็นนักปั่นเต็มเวลา โดยมนตรีลาออกจากงานออฟฟิศเพราะมั่นใจว่าในอนาคตน่าจะมีลู่ทางทำให้ตลาดงานบริการนี้เติบโตในเมืองไทย เขาเห็นว่า “ตลาดนี้มันใหญ่มาก แค่จับตลาดเล็กๆ เราก็อยู่ได้แล้ว คู่แข่งก็ไม่มี เราเป็นเบอร์หนึ่ง อาชีพนี้ในเมืองใหญ่ทั่วโลกโตหมด ทำไมกรุงเทพฯ จะมีไม่ได้”
ในขณะที่ “สิริชัย” มีธุรกิจส่วนตัวด้านอาหาร เช่นเดียวกับ “ปณต” ที่มีสำนักงานทนายความของตัวเอง ซึ่งทั้งสองคนได้แบ่งเวลาจากหน้าที่การงานหลักของตัวเองออกมาทำหน้าที่ปั่นจักรยาน
ค่าบริการจัดส่งคิดตามระยะทางและน้ำหนักของสินค้า “ศาลายาก็ไปมาแล้ว ล่าสุดจะให้ไปธรรมศาสตร์รังสิต เขาบอกว่ามอเตอร์ไซค์ไม่ยอมไป” มนตรีเล่าเคสแปลกๆ ที่เพิ่งโทรเข้ามาว่า “ลูกค้าจะให้ไปรับขนมปัง 6 แผ่นจากร้านมนต์นมสดไปส่งที่ระยอง ค่าปั่น 2,000 กว่าบาท ถ้าเขากล้าจ่าย เราก็ไปทุกที่ครับ”
ระหว่างวันธรรมดา จะมีงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยช่วงฮอตสุดๆ ของ BikeXenger คือ วันวาเลนไทน์ กามเทพบนหลังอานเล่าว่าเขาตระเวนส่งดอกไม้ให้คู่รักตั้งแต่ตีสี่จนถึงเที่ยงคืนโดยไม่หยุดหย่อน รองลงมาเป็นเทศกาลหยุดยาวที่ไปรษณีย์หยุดทำการ เช่น สงกรานต์ หรือปีใหม่ที่คนนิยมให้ของขวัญกัน
เพื่อรับมือกับปริมาณงานที่น่าจะเพิ่มขึ้น ทีม BikeXenger จึงประกาศหาพนักงานใหม่ “คนสมัครเยอะมากครับ ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทั้งนั้น จบโทจบนอก ปริญญาหลายใบมีหมด ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าอยากใช้จักรยานเป็นอาชีพเพราะสนุกและมีรายได้ บางคนบอกว่าพร้อมจะลาออกจากออฟฟิศที่เครียดๆ เลยทันที”
สุดท้ายเขายังแนะว่า หากต้องการส่งเสริมให้คนหันมาเดินทางด้วยจักรยาน รัฐต้องขจัดความสะดวกสบายของการใช้รถเสียก่อน “รถติดก็ปล่อยให้ติดไป ไม่ต้องไปสร้างถนนทำสะพานเพิ่มให้ เดี๋ยวคนก็จะหันมาเห็นข้อได้เปรียบของจักรยานเอง”
Did You Know
- การแข่งขัน “Cycle Messenger World Championship” เป็นงานชุมนุมของนักปั่นส่งเอกสารโดยเฉพาะ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม จัดที่กรุงวอร์ซอ โปแลนด์
- กระเป๋าสะพายเฉียงหรือเป้ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ Bike Messenger เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดของนักปั่น คุณสมบัติที่ควรมีคือความทนทาน จุของได้เยอะ หยิบงานได้รวดเร็ว สะท้อนแสงยามค่ำคืนได้ มีช่องใส่โทรศัพท์หรือวิทยุสื่อสารบนสายบ่า เป็นต้น แบรนด์ยอดนิยมก็ได้แก่ Chrome, Crumpler และ Timbuk2 ฯลฯ ซึ่งออกแบบโดยเจ้าของแบรนด์ซึ่งเคยเป็นนักปั่นส่งเอกสารมาก่อน
(ศศิขวัญ ศรีกระจ่าง Positioning Magazine 10 สิงหาคม 2554)
- การแข่งขัน “Cycle Messenger World Championship” เป็นงานชุมนุมของนักปั่นส่งเอกสารโดยเฉพาะ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม จัดที่กรุงวอร์ซอ โปแลนด์
- กระเป๋าสะพายเฉียงหรือเป้ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ Bike Messenger เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดของนักปั่น คุณสมบัติที่ควรมีคือความทนทาน จุของได้เยอะ หยิบงานได้รวดเร็ว สะท้อนแสงยามค่ำคืนได้ มีช่องใส่โทรศัพท์หรือวิทยุสื่อสารบนสายบ่า เป็นต้น แบรนด์ยอดนิยมก็ได้แก่ Chrome, Crumpler และ Timbuk2 ฯลฯ ซึ่งออกแบบโดยเจ้าของแบรนด์ซึ่งเคยเป็นนักปั่นส่งเอกสารมาก่อน
(ศศิขวัญ ศรีกระจ่าง Positioning Magazine 10 สิงหาคม 2554)
14 April 2012
Subscribe to:
Posts (Atom)